Our website uses cookies to analyse traffic, personalise advertising and show you more of what you love. Please let us know you agree to all of our cookies. You can find out more on our cookies policy page any time.

รู้จักชีสแต่ละชนิด ความแตกต่างที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ | Phenix


ชีสแต่ละชนิด มีรสชาติและความอร่อยในแบบของตัวเองจริงหรือไม่?


ชีสเป็นวัตถุดิบที่ได้รับความนิยมในการประกอบอาหารทั่วโลก โดยชีสแต่ละชนิดมีทั้งรสชาติและกลิ่นที่แตกต่างกัน ทำให้หลายคนที่หลงรักชีสสงสัยว่าชีสมีกี่ประเภท และชีสแต่ละประเภทต่างกันอย่างไร? ในบทความนี้ Phenix ศูนย์ค้าส่งวัตถุดิบอาหารและแหล่งรวมสินค้าราคาส่งคุณภาพจากทั่วโลก จะมาแนะนำว่าชีสแต่ละชนิดมีอะไรบ้าง รวมถึงประโยชน์และการเลือกใช้ประเภทชีสให้เหมาะกับเมนูอาหารที่หลากหลาย


ชีสมีกี่ประเภท ชีสแต่ละประเภทมีความแตกต่าง และประโยชน์อย่างไร 


ชีสคือผลิตภัณฑ์จากนมที่ผ่านกระบวนการบ่มจนได้รสชาติและกลิ่นเฉพาะตัว ขึ้นอยู่กับประเภทของน้ำนมที่ใช้ เช่น นมวัว นมแพะ หรือแม้แต่นมแกะ รวมถึงระยะเวลาการบ่มที่ส่งผลให้ชีสแต่ละชนิดมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนกัน ทำให้ชีสเหมาะนำไปใช้ทำเมนูอาหารคาว อาหารหวานที่ต่างกัน สำหรับคนรักชีสที่ต้องการเลือกชีสตามความชอบ วันนี้ Phenix แหล่งรวมความอร่อยใจกลางเมือง จะพาไปทำความรู้จักกับประเภทชีสยอดนิยม รวมถึงคุณประโยชน์ที่ได้จากชีสแต่ละชนิด


เชดดาชีส (Cheddar Cheese)


เชดดาชีสเป็นชีสที่ทำจากนมวัวและมีลักษณะเด่นคือเนื้อแข็งและมีสีเหลืองหรือขาว รสชาติของเชดดาชีสมีความหลากหลายขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการบ่ม ถ้าบ่มนานจะมีรสชาติเข้มข้นและเผ็ดกว่า ส่วนเชดดาชีสที่บ่มสั้นจะมีรสชาติที่นุ่มและครีมมี่กว่า ทำให้เชดดาชีสสามารถใช้ได้ในอาหารหลากหลายประเภท เช่น แซนด์วิช เบอร์เกอร์ พิซซ่า ซุป หรืออาหารประเภทอบ


ประโยชน์ของเชดดาชีส


เชดดาชีสมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย เนื่องจากชีสชนิดนี้มีสารอาหารที่สำคัญหลายชนิด โดยประโยชน์ที่สำคัญของเชดดาชีส มีดังนี้


  • แหล่งโปรตีนที่ดี เชดดาชีสอุดมไปด้วยโปรตีนที่ช่วยในการเสริมสร้างกล้ามเนื้อและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย

  • แคลเซียมสูง ช่วยในกระบวนการสร้างกระดูกและฟันที่แข็งแรง และยังช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคกระดูกพรุน

  • วิตามินดี ช่วยในการดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่ร่างกาย และมีบทบาทสำคัญในการรักษาสุขภาพกระดูก

  • ช่วยเสริมสุขภาพฟัน เนื่องจากมีแคลเซียมและฟอสฟอรัสสูง จึงช่วยรักษาสุขภาพฟัน และลดความเสี่ยงต่อการเกิดฟันผุ

  • วิตามิน A เชดดาชีสมีวิตามิน A ซึ่งเป็นสารอาหารที่ช่วยในการบำรุงสายตา และเสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง

  • สนับสนุนระบบประสาท มีวิตามิน B 12 และแร่ธาตุที่ช่วยสนับสนุนการทำงานของสมองและระบบประสาท

  • กรดไขมันที่เป็นประโยชน์ แม้จะมีไขมันสูง แต่เชดดาชีสยังมีกรดไขมันที่ดีต่อสุขภาพ เช่น กรดไขมันโอเมก้า 3 ที่ช่วยลดการอักเสบ

  • พลังงานสูง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพลังงานอย่างรวดเร็ว เช่น นักกีฬา หรือนักเดินทาง


มอสซาเรลลาชีส (Mozzarella Cheese)


มอสซาเรลลาชีสเป็นชีสนุ่มที่มีเนื้อสัมผัสนุ่มและมีความชุ่มชื้น เพราะมอสซาเรลลามักทำจากนมควายหรือวัว ทำให้มีรสชาติที่นุ่มนวลและหวาน มอสซาเรลลาจึงเป็นที่นิยมใช้ในอาหารที่ต้องการรสชาติกลมกลืนและเนื้อสัมผัสที่น่าสนใจ เช่น พิซซ่า สลัด และจานอาหารอิตาเลียนอื่น ๆ


ประโยชน์ของมอสซาเรลลาชีส


นอกจากมอสซาเรลลาชีสเป็นวัตถุดิบที่ให้รสชาติอร่อยแล้ว ยังมีมีประโยชน์ทางโภชนาการมากมาย ดังนี้


  • แหล่งโปรตีน มอสซาเรลลาชีสเป็นแหล่งโปรตีนที่ดี ช่วยในการซ่อมแซมและสร้างกล้ามเนื้อ 

  • แคลเซียม เป็นแหล่งแคลเซียมสำคัญที่จำเป็นต่อการเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง รวมถึงช่วยการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ

  • วิตามิน B 12 มอสซาเรลลามีวิตามิน B 12 ที่สำคัญต่อการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงและการทำงานของระบบประสาท

  • ไขมันดี มอสซาเรลลามีไขมันที่มีคุณภาพดี ช่วยในการดูดซึมวิตามินที่ละลายในไขมัน เช่น วิตามิน A วิตามิน D และวิตามิน E

  • ช่วยในการย่อยอาหาร มอสซาเรลลาชีสมีโปรไบโอติกที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพลำไส้และการย่อยอาหาร

  • ความชุ่มชื้น เนื่องจากมอสซาเรลลามีความชุ่มชื้นสูง จึงช่วยให้จานอาหารไม่แห้งและเพิ่มความสดชื่น


พาร์เมซานชีส (Parmesan Cheese)


พาร์เมซานชีสเป็นชีสที่มีเนื้อสัมผัสแข็งและแห้ง มีความเข้มข้นทางรสชาติและกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ เพราะผลิตจากนมวัวและผ่านกระบวนการบ่มมาอย่างน้อย 12 เดือน หรืออาจนานถึง 36 เดือน ทำให้พาร์เมซานชีสเป็นชีสที่ได้รับความนิยมอย่างมากในอาหารอิตาเลียนและยังเป็นวัตถุดิบที่สำคัญในหลายเมนูทั่วโลก เช่น โรยบนพาสต้า สลัด หรือซุป 


ประโยชน์ของพาร์เมซานชีส


การทานพาร์เมซานชีสที่ผลิตจากนมวัวและผ่านกระบวนการบ่มมาอย่างยาวนาน มีประโยชน์ต่อสุขภาพหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น


  • แหล่งโปรตีน พาร์เมซานเป็นแหล่งโปรตีนที่ดี ช่วยในการสร้างและซ่อมแซมกล้ามเนื้อ

  • แคลเซียมสูง ช่วยในการเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง รวมถึงช่วยในการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ

  • วิตามิน B เป็นแหล่งของวิตามิน B หลายชนิด เช่น วิตามิน B 12 ซึ่งสำคัญต่อการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงและการทำงานของระบบประสาท

  • สารต้านอนุมูลอิสระ มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดการเกิดออกซิเดชันในร่างกาย

  • รสชาติอร่อย ช่วยเพิ่มรสชาติและความลึกให้กับอาหาร เช่น พาสต้า สลัด หรือซุป ทำให้อาหารมีความน่าสนใจยิ่งขึ้น

  • ช่วยในการย่อยอาหาร มีโปรไบโอติกที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพลำไส้และการย่อยอาหาร

  • ควบคุมความดันโลหิต มีแคลเซียมและโปแตสเซียมซึ่งช่วยควบคุมระดับความดันโลหิตให้สมดุล


เกาดาชีส (Gouda Cheese)


เกาดาชีสมีเนื้อสัมผัสที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่บ่ม โดยชีสที่บ่มนานจะมีเนื้อแข็งและเข้มข้นมากขึ้น ทำให้มีความซับซ้อนในรสชาติที่สามารถสัมผัสได้ชัดเจน ในขณะที่ชีสที่บ่มไม่นานจะมีความนุ่มและครีมมี่กว่า นอกจากนี้เกาดาชีสยังมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำให้สามารถเลือกทานเกาดาชีสได้ตามความชอบส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็นการใช้ในอาหารคาว เช่น สลัดหรือพาสต้า หรือการทานเป็นของว่างร่วมกับผลไม้และแครกเกอร์ 


ประโยชน์ของเกาดาชีส


เกาดาชีสไม่เพียงแต่มีรสชาติที่หลากหลายและน่าสนใจ แต่ยังมีคุณประโยชน์ต่อร่างกายที่น่าสนใจ ดังนี้


  • แหล่งโปรตีน เกาดาชีสเป็นแหล่งโปรตีนที่ดี ช่วยในการสร้างและซ่อมแซมกล้ามเนื้อ

  • แคลเซียมและฟอสฟอรัส มีปริมาณแคลเซียมสูง ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง และป้องกันโรคกระดูกพรุน

  • วิตามิน B 12 ช่วยในการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงและส่งเสริมสุขภาพระบบประสาท

  • สารต้านอนุมูลอิสระ มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดการเกิดออกซิเดชันในร่างกาย

  • ดีต่อสุขภาพลำไส้ เกาดาชีสที่ทำจากนมสดอาจมีโปรไบโอติกซึ่งดีต่อสุขภาพลำไส้

  • ช่วยในการควบคุมน้ำหนัก เนื่องจากมีรสชาติที่เข้มข้น ทำให้สามารถใช้ปริมาณน้อยได้ในการปรุงอาหาร

  • ป้องกันโรคหัวใจ การบริโภคชีสที่มีไขมันดีในปริมาณเหมาะสมอาจช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ


อีดัมชีส (Edam Cheese)


สำหรับอีดัมชีสเป็นชีสกึ่งแข็งที่มีสีเหลืองอ่อน โดยความแข็งของชีสจะขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่บ่ม ยิ่งบ่มนาน อีดัมชีสจะมีเนื้อสัมผัสที่แข็งมากขึ้น แต่ยังคงมีความนุ่มในระดับที่รับประทานได้ง่าย ขณะที่รสชาติของอีดัมชีสมีความหวานนิด ๆ และเค็มเล็กน้อย ทำให้รสชาติมีความกลมกลืนและนุ่มนวล ไม่รุนแรงมากนัก เหมาะสำหรับเสิร์ฟกับผลไม้หรือในเมนูอาหารเรียกน้ำย่อย


ประโยชน์ของอีดัมชีส


อีดัมชีสไม่เพียงเป็นหนึ่งในประเภทชีสที่มีรสชาติอร่อยและหลากหลาย แต่ยังมีคุณประโยชน์ที่ดีต่อสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็น


  • แหล่งโปรตีนสูง อีดัมชีสเป็นแหล่งโปรตีนที่ดี ช่วยในการสร้างและซ่อมแซมกล้ามเนื้อ

  • แคลเซียมและฟอสฟอรัส มีปริมาณแคลเซียมและฟอสฟอรัสสูง ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง

  • วิตามิน B 12: อีดัมชีสมีวิตามิน B 12 ซึ่งสำคัญต่อการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงและการทำงานของระบบประสาท

  • สารต้านอนุมูลอิสระ มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดการเกิดออกซิเดชันในร่างกาย

  • ช่วยในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด การบริโภคชีสสามารถช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ โดยช่วยในการปรับสมดุลของฮอร์โมนอินซูลิน

  • สนับสนุนสุขภาพหัวใจ ไขมันในอีดัมชีสสามารถช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจเมื่อบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม


เฟตาชีส (Feta Cheese)


เฟตาชีสเป็นชีสที่ทำจากนมแพะหรือนมแกะ มีเนื้อสัมผัสที่นุ่มและร่วน ทำให้สามารถแตกหรือขยี้ได้ง่าย ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้ในอาหารต่าง ๆ ขณะเดียวกันเฟตาชีสมีรสชาติที่เค็มและเปรี้ยวเล็กน้อย ทำให้เฟตาชีสถูกนำไปใช้ในเมนูอาหารหลากหลายประเภท เช่น สลัด สโคน พาย หรือใช้เป็นท็อปปิ้งหรือส่วนผสมในเมนูพิซซ่าและพาสต้าเพื่อเพิ่มรสชาติ


ประโยชน์ของเฟตาชีส


นอกจากเฟตาชีสสามารถเพิ่มรสชาติเมนูอาหารให้มีความกลมกล่อมน่าทานมากขึ้น ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพที่น่าสนใจ เช่น


  • แหล่งโปรตีน เฟตาชีสเป็นแหล่งโปรตีนที่ดี ซึ่งช่วยในการสร้างและซ่อมแซมกล้ามเนื้อ

  • แคลเซียม มีปริมาณแคลเซียมสูง ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง และช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุน

  • วิตามิน B เฟตาชีสมีวิตามิน B หลายชนิด เช่น วิตามิน B 12 ที่มีส่วนช่วยในการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงและสนับสนุนระบบประสาท

  • สารต้านอนุมูลอิสระ เป็นประเภทชีสที่มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดการเกิดออกซิเดชันในร่างกาย

  • ไขมันที่ดี มีไขมันที่เป็นประโยชน์ซึ่งช่วยสนับสนุนการทำงานของร่างกาย เมื่อบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม

  • การย่อยง่าย เฟตาชีสที่ทำจากนมแพะหรือนมแกะมักจะย่อยได้ง่ายกว่านมวัว สำหรับผู้ที่มีปัญหาการย่อยแลคโตส


คอทเทจชีส (Cottage Cheese)


คอทเทจชีสเป็นชีสสดที่ไม่ผ่านการบ่ม ทำให้ชีสประเภทนี้มีเนื้อสัมผัสนุ่มและมีน้ำปนอยู่เล็กน้อย ด้วยรสชาติที่อ่อนนุ่มและค่อนข้างเป็นกลาง ประกอบกับมีความหอมเล็กน้อย ทำให้เหมาะใช้ในเมนูเพื่อสุขภาพ เช่น สลัดหรือทานร่วมกับผลไม้


ประโยชน์ของคอทเทจชีส


คอทเทจชีสไม่เพียงแต่เป็นอาหารที่อร่อย แต่ยังเป็นแหล่งสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ดังนี้


  • แหล่งโปรตีนที่ดี ช่วยเสริมสร้างและซ่อมแซมกล้ามเนื้อ เหมาะสำหรับผู้ที่ออกกำลังกายหรือผู้ที่ต้องการเพิ่มกล้ามเนื้อ

  • แคลเซียมสูง ชีสชนิดนี้มีปริมาณแคลเซียมสูง ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างกระดูกและฟัน

  • ไขมันต่ำ มักมีไขมันต่ำหรือไขมันน้อย จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักหรือควบคุมการบริโภคไขมัน

  • วิตามินและแร่ธาตุ มีวิตามิน B หลายชนิดและแร่ธาตุ เช่น ฟอสฟอรัสและสังกะสี ที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและสนับสนุนการทำงานของระบบประสาท

  • การย่อยง่าย คอทเทจชีสมีการย่อยง่าย ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาการย่อยนม


สวิสชีส (Swiss Cheese)


สวิสชีสเป็นชีสกึ่งแข็งที่มีลักษณะเนียนนุ่ม มักมีรูหรือช่องอากาศขนาดใหญ่ที่เกิดจากกระบวนการหมักโดยแบคทีเรียที่ใช้ในการผลิตชีส มาพร้อมรสชาติที่นุ่มนวลไม่จัดจ้าน ทำให้เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบรสชีสที่เข้มข้นเกินไป สามารถนำไปใช้ในเมนูอาหารทั้งคาวและหวาน เช่น แซนด์วิช พิซซ่า ชีสบอล สลัด ออมเลต ซุปชีส ขนมปังชีส หรือเสิร์ฟเป็นของว่างร่วมกับผลไม้และถั่ว


ประโยชน์ของสวิสชีส


สวิสชีสเป็นประเภทชีสที่น่าสนใจทั้งในแง่ของรสชาติ การนำไปใช้ทำเมนูอาหารทั้งคาวและหวาน รวมถึงคุณค่าทางโภชนาการที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น


  • แหล่งโปรตีน ช่วยในการเสริมสร้างและซ่อมแซมเนื้อเยื่อในร่างกาย

  • แคลเซียมและฟอสฟอรัส ช่วยในการเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง

  • วิตามิน B มีวิตามิน B หลายชนิด เช่น วิตามิน B 2 และวิตามิน B 12 ที่สำคัญต่อการทำงานของระบบประสาท

  • ไขมันต่ำ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก เนื่องจากมักมีไขมันต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับชีสประเภทอื่น

  • ช่วยในการย่อย สวิสชีสสามารถช่วยในกระบวนการย่อยอาหารเนื่องจากมีแบคทีเรียที่ดี


ครีมชีส (Cream Cheese)


ครีมชีสมีเนื้อสัมผัสนุ่ม ละเอียด ทำให้สามารถป้ายหรือตักได้ง่าย โดยปกตินิยมใช้ครีมชีสทาบนขนมปัง เป็นส่วนผสมของเมนูเบเกอรี่และขนมหวาน หรือใช้ในการทำซอสครีมสำหรับพาสต้า เพราะครีมชีสมีรสชาติที่นุ่มนวลและหวานเล็กน้อย ไม่เค็มมาก 


ประโยชน์ของครีมชีส


สำหรับครีมชีสไม่ได้เป็นแค่อาหารหรือวัตถุดิบที่เพิ่มความอร่อยให้กับเมนูอาหารและขนม แต่การทานครีมชีสยังช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่จำเป็นมากมาย เช่น


  • แหล่งพลังงาน มีไขมันและโปรตีนสูง ทำให้เป็นแหล่งพลังงานที่ดี

  • วิตามิน A ช่วยในการรักษาสุขภาพของผิวหนังและการมองเห็น

  • แคลเซียม มีแคลเซียมที่ช่วยในการเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง

  • ช่วยในการย่อย มีเอนไซม์ที่ช่วยในการย่อยอาหาร ทำให้สามารถย่อยอาหารได้ง่ายขึ้น

  • โปรตีนที่ดี ช่วยในการสร้างและซ่อมแซมเนื้อเยื่อในร่างกาย


บลูชีส (Blue Cheese)


บลูชีสเป็นชีสที่เกิดจากเชื้อรา Penicillium ที่ถูกใช้ในกระบวนการบ่ม ทำให้มีลายสีฟ้าหรือสีเขียวอมฟ้าในเนื้อชีส ส่วนเนื้อสัมผัสก็มีทั้งแบบนุ่มจนถึงแข็งขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่บ่ม และด้วยรสชาติเข้มข้นและเค็มปนเปรี้ยวเล็กน้อย พร้อมกับกลิ่นเฉพาะตัวที่แรงและเป็นเอกลักษณ์ของบลูชีส ทำให้ชีสชนิดนี้เหมาะนำไปใช้ในเมนูต่าง ๆ ที่ต้องการรสชาติที่เข้มข้นและโดดเด่น เช่น สลัด ชีสบอร์ด หรือเมนูที่ต้องการชีสเป็นตัวเสริมรสชาติ เช่น พิซซ่า แซนด์วิช หรือซุป ไปจนถึงการเสิร์ฟบลูชีสร่วมกับผลไม้


ประโยชน์ของบลูชีส


ต้องบอกว่า บลูชีสไม่เพียงแต่เพิ่มรสชาติที่น่าสนใจให้กับอาหาร แต่ยังอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างมาก เช่น 


  • แหล่งโปรตีนคุณภาพสูง มีส่วนช่วยในการสร้างและซ่อมแซมเนื้อเยื่อในร่างกาย

  • อุดมไปด้วยแคลเซียม ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคกระดูกพรุน

  • ส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกัน เชื้อรา Penicillium ที่ใช้ในการทำบลูชีสมีช่วยส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกัน และยับยั้งการเติบโตของแบคทีเรียที่เป็นอันตรายในร่างกาย

  • ช่วยในการย่อยอาหาร มีเอนไซม์ที่ช่วยกระตุ้นการย่อยอาหาร ทำให้การย่อยโปรตีนและไขมันในร่างกายดีขึ้น

  • วิตามิน A และ D บลูชีสมีวิตามิน A ที่ช่วยบำรุงสายตาและผิวหนัง และวิตามิน D ที่มีส่วนช่วยในการดูดซึมแคลเซียมและรักษาสมดุลแร่ธาตุในร่างกาย

  • สารต้านอนุมูลอิสระ เชื้อราในบลูชีสยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งและโรคหัวใจ


Phenix พาดูวิธีเลือกซื้อประเภทชีส ให้เหมาะกับการทำเมนูอาหาร


เพื่อให้ทุกเมนูอาหารคาวและอาหารหวานของคุณมีรสชาติที่อร่อยและสมบูรณ์แบบ การเลือกใช้ชีสที่เหมาะสมกับแต่ละเมนูถือเป็นสิ่งสำคัญ Phenix ศูนย์ค้าส่งอาหารครบวงจรที่รวบรวมสินค้าราคาส่งจากทั่วโลก จะพาไปดูวิธีการเลือกชีสแต่ละชนิดให้เหมาะกับเมนูของคุณกัน


เลือกชีสสำหรับเมนูพิซซ่า


เมนูพิซซ่าจะขาดไม่ได้เลยคือ มอสซาเรลลาชีสที่มีเนื้อสัมผัสยืดหยุ่น ละลายได้ดี เหมาะสำหรับพิซซ่า ลาซานญ่า หรืออาหารอบต่าง ๆ


เลือกชีสสำหรับโรยพาสต้า


สำหรับเมนูพาสต้าที่ต้องการรสชาติชีสเข้มข้น แนะนำให้ใช้พาร์เมซานชีส เพราะเป็นประเภทชีสที่ให้รสชาติหอมมัน และเพิ่มความเข้มข้นให้กับเมนู


เลือกชีสสำหรับแซนด์วิชและเบอร์เกอร์


ในการทำแซนด์วิชหรือเบอร์เกอร์ ควรเลือกใช้เชดดาชีสหรือเกาดาชีส ซึ่งให้รสชาติที่เข้มข้นและเนื้อสัมผัสที่แน่น ทำให้เหมาะกับทาบนเนื้อหรือขนมปัง


เลือกชีสสำหรับสลัด


หากต้องการชีสมาช่วยเพิ่มรสชาติให้กับสลัด ขอบอกว่าเฟตาชีสหรือบลูชีสถือเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์มาก โดยเฟตาชีสจะให้รสเค็มที่สดชื่น ขณะที่บลูชีสจะเพิ่มกลิ่นและรสชาติที่เข้มข้นให้กับสลัด


เลือกชีสสำหรับขนมหวาน


สำหรับเมนูของหวาน ควรเลือกใช้ครีมชีสหรือคอทเทจชีส โดยครีมชีสจะช่วยเพิ่มความเนียนนุ่มและรสชาติหวานมันให้กับเบเกอรี่ ส่วนคอทเทจชีสเหมาะกับเมนูเพื่อสุขภาพที่ต้องการความนุ่มเบา


เลือกชีสสำหรับทานคู่กับไวน์

แต่ถ้าต้องการชีสไว้ทานคู่กับไวน์ ขอแนะนำชีสที่มีกลิ่นหอมเข้มข้น เช่น บลูชีส หรือสวิสชีส ซึ่งให้รสชาติที่กลมกล่อมและเข้ากับไวน์ได้ดี


แนะวิธีการเก็บรักษาชีสแต่ละประเภท เพื่อคงคุณภาพและรสชาติที่ดี


สำหรับคนรักชีสที่ชอบเก็บชีสไว้ทำอาหารเองที่บ้าน หรือสำหรับร้านอาหารที่ต้องการให้ชีสของตนมีคุณภาพที่ดีอยู่เสมอ การเก็บรักษาชีสแต่ละชนิดอย่างถูกวิธีเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อคงความสดใหม่ รสชาติ และเนื้อสัมผัสให้นานที่สุด วันนี้ Phenix ศูนย์ค้าส่งวัตถุดิบอาหารและร้านค้าส่งคุณภาพจากทั่วโลก ขอนำเสนอวิธีการเก็บรักษาชีสแต่ละประเภท ดังนี้


วิธีเก็บเชดดาชีส 


ก่อนเก็บเชดดาชีสในตู้เย็นที่มีอุณหภูมิประมาณ 1-4°C แนะนำให้ห่อเชดดาชีสด้วยกระดาษขี้ผึ้งหรือกระดาษห่อชีสโดยเฉพาะแล้วค่อยใส่ในถุงพลาสติกปิดสนิท


วิธีเก็บมอสซาเรลลาชีส 


ควรห่อมอสซาเรลลาชีสด้วยฟิล์มพลาสติกหรือเก็บในภาชนะปิดสนิทเพื่อป้องกันความชื้นสูญเสีย ก่อนจัดเก็บในตู้เย็นที่มีอุณหภูมิประมาณ 1-4°C ทั้งนี้ควรทานมอสซาเรลลาชีสให้หมดภายใน 5-7 วันหลังจากเปิดใช้งานแล้ว


วิธีเก็บพาร์เมซานชีส 


แนะนำให้ห่อพาร์เมซานชีสด้วยกระดาษขี้ผึ้งหรือกระดาษห่อชีสแล้วใส่ในถุงพลาสติกปิดสนิท จากนั้นเก็บในตู้เย็นที่มีอุณหภูมิประมาณ 1-4°C ซึ่งวิธีนี้สามารถรักษาคุณภาพและความสดใหม่ของพาร์เมซานชีสได้นานหลายเดือน


วิธีเก็บเกาดาชีส 


ให้ห่อเกาดาชีสไว้ด้วยกระดาษไขหรือกระดาษชีส แล้วใส่ในถุงพลาสติกปิดสนิท เก็บในตู้เย็นที่มีอุณหภูมิประมาณ 1-4°C ควรใช้ภายใน 3-4 สัปดาห์


วิธีเก็บอีดัมชีส 


แนะนำให้ห่ออีดัมชีสด้วยกระดาษห่อชีสหรือกระดาษขี้ผึ้งเพื่อป้องกันความชื้นและกลิ่นจากอาหารอื่นในตู้เย็น แล้วค่อยเก็บไว้ในตู้เย็นที่มีอุณหภูมิประมาณ 1-4°C แต่ควรทานให้หมดภายใน 2-3 สัปดาห์


วิธีเก็บเฟตาชีส


สำหรับเฟตาชีสจะมีวิธีการจัดเก็บที่ต่างจากประเภทชีสอื่น ๆ เพราะต้องเก็บเฟตาชีสในน้ำเกลือหรือห่อด้วยฟิล์มพลาสติกและเก็บในภาชนะปิดสนิทในตู้เย็นที่อุณหภูมิประมาณ 1-4°C ที่สำคัญควรทานเฟตาชีสให้หมดภายใน 5-7 วัน


วิธีเก็บคอทเทจชีส 


เนื่องจากคอทเทจชีสมีอายุการเก็บรักษาสั้น หลังเก็บในภาชนะปิดสนิทและวางในตู้เย็นที่มีอุณหภูมิประมาณ 1-4°C ควรทานให้หมดภายใน 5-7 วันหลังจากเปิดแล้ว


วิธีเก็บสวิสชีส 


แม้ใช้กระดาษไขหรือฟิล์มพลาสติกในการจัดเก็บสวิสชีส ก่อนใส่ในถุงพลาสติกปิดสนิทแล้วแช่ไว้ในตู้เย็นที่มีอุณหภูมิประมาณ 1-4°C แต่ก็ควรทานชีสให้หมดภายใน 2-3 สัปดาห์


วิธีเก็บครีมชีส


สามารถจัดเก็บครีมชีสในภาชนะปิดสนิทในตู้เย็นที่มีอุณหภูมิประมาณ 1-4°C และควรทานให้หมดภายใน 1-2 สัปดาห์หลังจากเปิดใช้งานแล้ว


วิธีเก็บบลูชีส 


แนะนำให้ห่อบลูชีส ด้วยฟอยล์หรือกระดาษชีส แล้วใส่ในถุงพลาสติกปิดสนิท เก็บในตู้เย็นที่มีอุณหภูมิประมาณ 1-4°C ควรทานภายใน 3-4 สัปดาห์


ด้วยวิธีการเก็บรักษาชีสแต่ละชนิดที่ถูกต้องจากคำแนะนำของ Phenix ช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าชีสที่เลือกซื้อมาจะคงคุณภาพ รสชาติ และเนื้อสัมผัสที่ดีที่สุดสำหรับทุกเมนู


สำหรับคนรักชีสที่มองหาแหล่งจัดจำหน่ายชีสแต่ละชนิดในราคาปลีกและราคาส่ง ที่ Phenix ศูนย์ค้าส่งวัตถุดิบอาหารและแหล่งรวมสินค้าราคาส่งคุณภาพจากทั่วโลก มีประเภทชีสให้คุณเลือกครบ ไม่ว่าจะเป็นเชดดาชีส มอสซาเรลลาชีส เกาดาชีส หรือบลูชีส ซึ่งชีสแต่ละประเภทเหมาะกับการทำอาหารที่ต่างกัน นอกจากนี้ Phenix ยังพร้อมให้ความรู้เรื่องชีสมีกี่ประเภท ไปจนถึงคำแนะนำการเก็บรักษาชีสอย่างถูกต้อง เพื่อให้คุณได้สัมผัสรสชาติชีสที่สดใหม่และอร่อยทุกครั้ง